เปรียบเทียบ ประกันภัยมะเร็งต้องดูอะไรบ้าง


ภัยร้ายสามารถเกิดขึ้นได้กับสิ่งต่างๆ รอบตัวรวมไปถึงภายในร่างกายด้วยเช่นกัน เมื่อเราเผชิญหน้ากับโรคร้ายอย่างโรคมะเร็งแน่นอนว่าชีวิตของเราและคนรอบข้างย่อมได้รับผลกระทบตามไปด้วยซึ่งบางคนก็สามารถรับมือได้เป็นอย่างดีแต่บางคนที่สภาพคล่องทางการเงินมีขีดจำกัดนั้นก็อาจทำให้ได้รับผลกระทบอย่างมาหาศาลและต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นฟูและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ เราจึงควรมีการทำประกันภัยเอาไว้ ใครที่กำลังต้องการเลือกซื้อประกันมะเร็งแต่ไม่รู้ว่าควรจะ เปรียบเทียบ ประกันภัย มะเร็งอย่างไรดี ที่นี่มีคำตอบ

  • ช่วงอายุรับประกัน

ปัจจัยแรกที่เราควรพิจารณาเมื่อ เปรียบเทียบ ประกันภัยมะเร็งก็คือ ช่วงอายุรับประกัน ซึ่งหมายถึงระยะเวลาที่เราจะได้รับความคุ้มครองตามที่กำหนดในแผนประกัน โดยเราควรพิจารณาเลือกกรมธรรม์ที่มีช่วงอายุการรับประกันที่สอดคล้องตามอายุของเราพร้อมกับเลือกกรมธรรม์ที่สามารถขยายระยะเวลาหรือต่ออายุความคุ้มครองให้เราได้นานที่สุด เพราะจะเป็นหลักประกันให้เราได้อุ่นใจว่าเราจะยังคงได้รับความคุ้มครองไปอีกยาวนาน เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาจริงๆ เราจะได้ไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงทั้งหมดด้วยตัวเองนั่นเอง

  • ความคุ้มครองหลัก

สิ่งต่อมาที่ควรพิจารณาในการ เปรียบเทียบ ประกันภัยมะเร็ง คือ ความคุ้มครองหลักต่างๆ และอาจรวมไปถึงความคุ้มครองและเงื่อนไขอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน โดยความคุ้มครองหลักของประกันภัยมะเร็งจะแบ่งออกเป็นสองแบบ ได้แก่ ประกันมะเร็งที่มีความคุ้มครองที่เป็นเงินก้อน คือเมื่อมีการตรวจพบมะเร็งเราจะได้รับเคลมเป็นเงินก้อนใหญ่ในทันที ครั้งเดียว เพื่อทำเงินก้อนนั้นมาบริหารจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วยตนเอง แบบที่สองคือ ความคุ้มครองแบบมีค่ารักษาพยาบาล ซึ่งจะคอยดูแลคุ้มครองค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาลทั้งหมดให้เรา เลือกเปรียบเทียบ ประกันภัย มะเร็งจากความคุ้มครองหลักว่าแบบไหนจะตอบโจทย์ด้านการเงินของเราได้ดีกว่า

  • ข้อยกเว้นความคุ้มครอง

ประกันภัยมะเร็งจะมีมะเร็งชนิดที่ไม่ให้ความคุ้มครองอยู่ด้วย ซึ่งถูกจัดว่าเป็นมะเร็งที่สามารถรักษาให้ได้และไม่มีความรุนแรงมากนัก โดยจะประกอบด้วย มะเร็งผิวหนัง ยกเว้นมะเร็วผิวหนังเมลาโมา และมะเร็งในผู้ป่วย HIV เป็นต้น ซึ่งหากเราต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมทุกมะเร็งมากกว่านี้อาจต้องใช้เวลาหาแผนประกันที่ตอบโจทย์มากกว่า นอกจากนี้เรายังควรพิจารณาในส่วนของระยะเวลารอคอย หรือระยะเวลาที่กรมธรรม์จะยังไม่มีผลในการให้ความคุ้มครองนั่นเอง โดยระยะเวลารอคอยของประกันมะเร็งปกติจะเป็นเวลาประมาณ 90 วัน

  • ความคุ้มค่าของเบี้ยประกัน

เปรียบเทียบ ประกันภัย มะเร็งสิ่งสุดท้ายที่ต้องนำมาพิจารณาคือ ความคุ้มค่าของเบี้ยประกัน ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหลายคนอย่างแน่นอน ประกันสุขภาพส่วนใหญ่จะมีการคิดเบี้ยประกันแบบแปรตันตามอายุ แต่ในกรณีของประกันมะเร็ง เราสามารถเลือกซื้อประกันที่มีเบี้ยแบบคงที่ตลอดอายุสัญญาได้ ซึ่งจะมอบความคุ้มค่าให้เราได้มากกว่า นอกจากนี้ ในการเปรียบเทียบเบี้ยประกันเรายังต้องมีการเปรียบเทียบเป็นรายปีด้วย ว่าแต่ละแผนประกันที่สนใจนั้นเมื่อเปรียบเทียบภายใต้วงเงินคุ้มครองที่เท่ากันแล้วจะมีผลประโยชน์อื่นๆ ที่นอกเหนือและแตกต่างจากกันได้มากเท่าไหร่